นิทานเรื่อง "เหี้ยกับกิ่งก่า"
การคบหากับคนนิสัยเสียเห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้ ย่อมนำความพินาศ
มาให้อย่างมากมาย นิทานเรื่องนี้มามาใน "โคธชาดก เอกนิบาต"
ณ ป่าแห่งหนึ่งพญาเหี้ยพร้อมบริวาร ได้อาศัยอยู่ในโพรงต้นไม้
แห่งหนึ่ง และพญาเหี้ยมีลูกตัวหนึ่ง ซึ่งเป็นที่รักดุจดั่งดวงใจ มี
นามว่า "โคธมิลลิก" เมื่อเติบโตขึ้นสามารถเลื้อยคลานไปมาได้ ก็
ออกตระเวณรอบ ๆ ที่อยู่และตระเวณออกไปไกลที่อยู่ขึ้นเรื่อยๆจน
กระทั่งวันหนึ่งได้พบกับฝูงกิ้งก่าจึงได้สร้างมิตรไมตรีเป็นเพื่อนกับ
ลูกกิ้งก่าตัวหนึ่งโดยที่พญาเหี้ยไม่รู้
ต่อมาวันหนึ่งพญาเหี้ยรู้เรื่องเข้าจึงไม่สบอารมณ์อย่างมากได้เรียก
ลูกรักเข้ามาอบรมเป็นการใหญ่
"โคธมิลลิก ลูกพ่อ! เหี้ยมีตระกูลสูงกว่ากิ้งก่ายิ่งนัก พ่อได้ทราบ
มาว่าลูกไปคบหากับกิ้งก่าใช่ไหม ! "
"ใช่พ่อ"
โคธมิลลิก ตอบแล้วย้อนถามว่า
"ทำไมละพ่อ! กิ้งก่าเป็นสัตว์เหมือนกับเรา คบหากันไว้ก็ไม่น่าจะ
เสียหายอะไรหรอกน่า !"
"เสียหายสิ! ทำไมจะไม่เสียหาย และเสียหายมากด้วย"
พญาเหี้ยกล่าวด้วยความขัดเคืองใจ
"พ่อ! ลูกไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลยเราก็คบกันธรรมดาฉันมิตร"
โคธมิลลิกโต้แย้ง
"กิ้งก่าสกุลต่ำกว่าเรา ยิ่งเราไปคบก็ยิ่งทำให้เราเสื่อมศักดิ์ศรี จะ
นำความเดือดร้อนมาสู่วงศ์ตระกูล"
พญาเหี้ยพยายามโน้มน้าวจิตใจโคธมิลลิก
"เป็นไปไม่ได้เลยพ่อเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด กิ้งก่าที่ลูกคบหามีนิสัย
ดีทั้งนั้นเลย"
โคธมิลลิก โต้แย้งไม่ยอมฟังเหตุผลของพญาเหี้ย
"เอ้อดี ...พ่อเตือนแล้วไม่ฟังเมื่อภัยมาถึงเจ้าจะน้ำตาตกใน"
พญาเหื้ยโกรธลูกตัวเองที่หัวดื้อไม่ยอมฟังคำตักเตือน
ผ่ายโคธมิลลิกก็ยังคงเที่ยวแวะเวียน ไปคบหาสมาคมกับกิ้งก่าอยู่
เสมอด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลินโดยมิใส่ใจคำตักเตือนของ
พญาเหี้ยผู้เป็นพ่อ
พญาเหื้ยเห็นว่าลูกไม่ยอมเชื่อฟัง ก็คิดว่าสักวันต้องมีภัยตามมา
แน่นอน จึงได้บอกบริวารให้ช่วยกันสร้างเกราะป้องกันภัย โดย
เกณฑ์แรงงานให้ช่วยกันขุดปล่องสำหรับหลบภัย เมื่อเกิดเหตุฉุก
เฉิน จะได้พากันหนีลงปล่องเอาตัวรอด
กาลเวลาหมุนเปลี่ยนเวียนไป โคธมิลลิกเติบโตขึ้นตามลำดับ มี
ร่างกายใหญ่โต ผิดกับกิ้งก่าที่มีร่างกายเล็ก จนมิอาจเทียบกันได้
เลย แต่โคธมิลลิกก็ยังคบหากับกิ้งก่าอยู่เช่นเดิม มีการกอดรัด
หยอกล้อกันตามปกติ ครั้งหนึ่งกิ้งก่าถูกโคธมิลลิกโอบกอดรัดใน
ขณะที่เล่นหยอกล้อกัน ทำให้เกิดความเจ็บปวดแทบจะทนไม่ไหว
จะร้องห้ามก็เกรงใจ เพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเล็ก ๆ กิ้งก่า
จึงคิดหาวิธีการกำจัดเหื้ย
เมื่อถึงต้นฝนปลายร้อนสายฝนกระหน่ำลงมาทั่วปฐพี น้ำเจิ่งนอง
ไปทั่ว ฝูงแมลงเม่าก็ออกมาจากจอมปลวกบินว่อน ด้วยความดีใจ
ฝ่ายเหื้ยเมื่อเห็นเช่นนั้น ก็รีบออกมาจากโปรงไม้ มากินแมลงเม่า
อย่างเพลิดเพลินใจ กิ่งก่าอันตรายเห็นเป็นโอกาสเหมาะที่จะกำ
จัดเหื้ย จึงเทียวเสาะแสวงหานายพราน เหมือนสวรรค์เป็นใจกิ้งก่า
ได้พบกับนายพรานพร้อมสุนัขล่าเนื้อ จึงถามว่า
"ท่านจะไปไหนหรือ นายพราน!"
"เราจะไปจับเหื้ย "
นายพรานตอบ
"โอ้ นี่ถ้าท่านต้องการให้ช้าช่วย ข้าก็ยินดี เพราะข้ารู้ที่อยู่ของเหื้ย"
กิ้งก่าได้โอกาสอย่างเจ้าเล่ห์
"เอ้อดี ... งั้นเจ้าพาเราไปสิ"
นายพรานอุทานอย่างลิงโลดใจ
กิ้งก่าได้นำนายพรานมาจนถึงจอมปลวก ที่ฝูงเหื้ยกำลังเพลิด
เพลินกับการกินแมลงเม่า ทันทีที่นายพรานมาถึงก็โรยฟางจนทั่ว
แล้วจุดไฟเผา ฝูงเหื้ยต่างก็หนีกันอย่างอลหม่าน นายพรานก็ดัก
ทุบตีเหื้ยตัวที่วิ่งหนีไปทีละตัวทีละตัว ส่วนตัวที่พ้นเงื้อมือของ
นายพราน ก็ถูกสุนขล่าเนื้อกัดตาย
พญาเหื้ย เห็นเหตุการเช่นนี้ ก็เข้าใจทันทีว่าอันตรายที่เกิดขึ้นนี้
มาจากลูกตัวเองที่คบหาสมาคมกับกิ้งก่าอันธพาล พลางกล่าว
คำสุภาษิตไว้ว่า
"การคบกับคนพาลย่อมนำความฉิบหายมาให้ คนพาลย่อมทำลาย
วงศ์ตระกูลของตนให้พินาศ"
ต่อมาชาติสุดท้าย ลูกพญาเหื้ยได้เกิดเป็นภิกษุรูปหนึ่งที่คบหา
พระเทวทัต กิ้งก่าได้เกิดเป็นพระเทวทัต ส่วนพญาเหื้ยได้เกิดมา
เป็นพระพุทธเจ้า
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การคบหาคนพาลสันดาลชั่วนั้นนอกจาก
ตัวเองจะเดือดร้อนแล้ว บางทีอาจนำความฉิบหายมาสู่วงศ์ตระกูล
ด้วย อนึ่งลูกที่ดื้อรั้นไม่ยอมฟังคำตักเตือน ไม่ยอมฟังคำสั่งสอน
ของพ่อแม่ย่อมจะพบกับความวิบัติ ดังเช่น โคธมิลลิก ดังสุภาษิต
ที่โบราณท่านกล่าวไว้ว่า คบคนพาลพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต
บัณฑิตพาไปหาผล
ที่มาhttp://fable-108.blogspot.com/2010/05/blog-post.html
ภาพ : http://funnysafetytalk.blogspot.com/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น