ชีวิตนี้...สั้นนัก ในทีนี้หมายถึง โอกาสในการสร้างความดีของมนุษย์เรามีอยู่อย่างจำกัด เพราะชีวิตขึ้นอยู่กับกาลเวลา เมื่อเวลาผ่านไป ทำให้ชีวิตของมนุษย์เราย่อมลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อเราได้ชีวิตมา จำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และอยู่ดีมีความสุข อีกทั้งใช้ชีวิตที่มีอยู่อย่างจำกัด สร้างคุณงามความดี เมื่อชีวิตจะต้องต่อสู้ดิ้นรนแข่งกับเวลาอย่างนี้แล้ว หากมัวแต่นึกถึงเรื่องราวต่างๆ ที่ตนเองไม่ชอบใจ เช่น คนโน้นเคยด่าเรา เคยทะเลาะกับเรา เราไม่ชอบหน้าคนโน้นคนนี้ นอกจากจะเป็นการเสียเวลาโดยไม่จำเป็นแล้ว ยังทำให้ลืมหน้าที่ของตนเองว่าอะไรควรทำ ไม่ควรทำอีกด้วย และการย้ำคิดย้ำทำใเรื่องไม่ดีเหล่านี้ นอกจากจะทำให้เสียเวลาแล้ว ยังทำให้เสียสุขภาพจิตอีกด้วย
ฉะนั้น ทางพุทธศาสนาจึงสอนย้ำเสมอว่า ชีวิตนี้สั้นนัก เป็นการเตือนสติให้เราตั้งอยู่ในความไม่ประมาทในวัยและในชีวิต ดังนี้
๑. ปฐมวัย ต้องขยันศึกษาหาความรู้ หรือเตรียมความพร้อมด้านการศึกษา เพราะการศึกษา คือ เครื่องมือนำไปสู่การสร้างโอกาสที่สำคัญที่สุดในชีวิต
๒. มิชฌิมวัย ต้องขยันทำงานหาทรัพย์ รู้จักเก็บรักษาทรัพย์ที่หามาได้ และใช้จ่ายทรัพย์อย่างประหยัด และรู้พอเพียงสมกับฐานะของตนเอง
๓. ปัจฉิมวัย ขยันสร้างบุญกุศล หาความสงบสุขทางใจ อันเป็นแนวทางในการเตรียมความพร้อมเพื่อไปสู่ภพภูมิที่ดีเมื่อเราละจากโลกนี้ไป
สรุปได้ว่า เราจะทำอะไรต้องรีบทำ เพราะชีวิตนี้สั้นนัก สมดังคำประพันธ์ที่นักปราชญ์กล่าวไว้ว่า
เวลาและวารี มิได้มีจะคอยใคร เรือเมล์และรถไฟ มันก็ไปตามเวลา
โอ้ เอ้ และอืดอาด ก็จะพลาดปรารถนา ชวดแล้วจะโศกา อนิจจาเราช้าไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น