วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ช่างไม่เมตตาเสียเลย ในสมัยที่นิกายเซนกำลังรุ่งเรืองมาก ใครๆก็นิยมนับถือภิกษุในนิกายเซนนี้ มียายแก่คนหนึ่งเป็นอุปัฏฐากของภิกษุองค์หนึ่งซึ่งปฏิบัติเซน ด้วยความศรัทธาอย่างยิ่งมาเป็นเวลาถึงยี่สิบปี แกได้สร้างกุฏิน้อยๆ ที่เหมาะสมอย่างยิ่งให้ และส่งอาหารทุกวันนับว่าพระภิกษุองค์นี้ไม่ลำบากในการที่จะปฏิบัติสมาธิภาวนาอะไรเลย. แต่ในที่สุดล่วงมาถึง 20 ปี ยายแก่เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า พระรูปนี้จะได้อะไรเป็นผลสำเร็จของการปฏิบัติบ้างไหม ที่จะคุ้มกันกับข้าวปลาอาหารของเราที่ส่งเสียมาถึง 20 ปี เพื่อให้รู้ความจริงข้อนี้ แกก็คิดหาหนทาง ในที่สุดพบหนทางของแก คือแกขอร้องหญิงสาวคนหนึ่ง ที่มีรูปร่างหน้าตาท่าทางอะไรๆ ยั่วยวนไปหมด ให้ไปหาพระองค์นั้น โดยบอกว่า ให้ไปที่นั่น แล้วไปกอดพระองค์นั้น แล้วถามว่า เดี๋ยวนี้เป็นอย่างไรบ้าง ผู้หญิงคนนั้นก็ทำอย่างนั้น พระองค์นั้นก็ตอบด้วยถ้อยคำเป็นกาพย์กลอน ซึ่งค่อนข้างเป็นคำประพันธ์ว่า “ต้นไม้แก่ใบโกร๋นบนยอดผา ฤดูหนาวทั้งคราวลมระดมมา อย่ามัวหาไออุ่นแม่คุณเอย” ว่าอย่างนี้เท่านั้น แล้วไม่ว่าอะไรอีก ไม่มีอะไรที่จะพูดกันรู้เรื่องอีก หญิงสาวคนนั้นก็กลับมาบอกยายแก่อย่างที่ว่านั้น ยายแก่ก็ขึ้นเสียงตะบึงขึ้นมาว่า คิดดูทีซิ ฉันเลี้ยงไอ้หมอนี่ มาตั้ง 20 ปีเต็มๆ มันไม่มีอะไรเลย แม้จะเพียงแสดงความเมตตาออกมาสักนิดหนึ่งก็ไม่มี ถึงแม้จะไม่สนองความต้องการทางกิเลสของเขา ก็ควรจะเอ่ยปากเป็นการแสดงความเมตตากรุณา หรือขอบคุณบ้าง. นี่แสดงว่าเขาไม่มีคุณธรรมอะไรเลย ฉะนั้นยายแก่ก็ไปที่นั่นเอาไฟเผากุฏินั้นเสีย และไม่ส่งอาหารอีกต่อไป. นิทานนี้สอนว่า จะเห็นว่าอย่างไรก็ลองคิดดู คนบางคนเขาย่อมต้องการอะไร อย่างที่ตรงกันข้ามกับที่เราจะนึกจะฝันก็เป็นได้ นี่จงดูสติปัญญาของคนแก่ซิ แกมีแบบแห่งความยึดมั่นถือมั่นของแกเองเป็นแบบหนึ่ง ยิ่งแก่ยิ่งหนังเหนียว คือหมายความว่า มันยิ่งยึดมั่นถือมั่นมาก ฉะนั้นถ้าจะไปโกรธคนที่มีความคิดอย่างอื่น มีหลักเกณฑ์อย่างอื่น มีความเคยชินเป็นนิสัยอย่างอื่น นั้นไม่ได้ เราต้องให้อภัย เราไม่โกรธใครเร็วเกินไป หรือเราไม่โกรธใครเลยนั่นแหละจะดีที่สุด และจะเป็นครูบาอาจารย์ที่มีความสุขที่สุด ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดด้วยและสนุกที่สุดด้วย. ฉะนั้น ขอให้จำไว้ว่า คนเรานั้นมีอะไรที่ไม่เหมือนกัน มีอะไรที่ไม่นึกไม่ฝันกันมากถึงอย่างนี้.

ช่างไม่เมตตาเสียเลย

ในสมัยที่นิกายเซนกำลังรุ่งเรืองมาก ใครๆก็นิยมนับถือภิกษุในนิกายเซนนี้ มียายแก่คนหนึ่งเป็นอุปัฏฐากของภิกษุองค์หนึ่งซึ่งปฏิบัติเซน ด้วยความศรัทธาอย่างยิ่งมาเป็นเวลาถึงยี่สิบปี แกได้สร้างกุฏิน้อยๆ ที่เหมาะสมอย่างยิ่งให้ และส่งอาหารทุกวันนับว่าพระภิกษุองค์นี้ไม่ลำบากในการที่จะปฏิบัติสมาธิภาวนาอะไรเลย. แต่ในที่สุดล่วงมาถึง 20 ปี ยายแก่เกิดความสงสัยขึ้นมาว่า พระรูปนี้จะได้อะไรเป็นผลสำเร็จของการปฏิบัติบ้างไหม ที่จะคุ้มกันกับข้าวปลาอาหารของเราที่ส่งเสียมาถึง 20 ปี

เพื่อให้รู้ความจริงข้อนี้ แกก็คิดหาหนทาง ในที่สุดพบหนทางของแก คือแกขอร้องหญิงสาวคนหนึ่ง ที่มีรูปร่างหน้าตาท่าทางอะไรๆ ยั่วยวนไปหมด ให้ไปหาพระองค์นั้น โดยบอกว่า ให้ไปที่นั่น แล้วไปกอดพระองค์นั้น แล้วถามว่า เดี๋ยวนี้เป็นอย่างไรบ้าง ผู้หญิงคนนั้นก็ทำอย่างนั้น พระองค์นั้นก็ตอบด้วยถ้อยคำเป็นกาพย์กลอน ซึ่งค่อนข้างเป็นคำประพันธ์ว่า

“ต้นไม้แก่ใบโกร๋นบนยอดผา ฤดูหนาวทั้งคราวลมระดมมา อย่ามัวหาไออุ่นแม่คุณเอย” ว่าอย่างนี้เท่านั้น แล้วไม่ว่าอะไรอีก ไม่มีอะไรที่จะพูดกันรู้เรื่องอีก

หญิงสาวคนนั้นก็กลับมาบอกยายแก่อย่างที่ว่านั้น ยายแก่ก็ขึ้นเสียงตะบึงขึ้นมาว่า คิดดูทีซิ ฉันเลี้ยงไอ้หมอนี่ มาตั้ง 20 ปีเต็มๆ มันไม่มีอะไรเลย แม้จะเพียงแสดงความเมตตาออกมาสักนิดหนึ่งก็ไม่มี ถึงแม้จะไม่สนองความต้องการทางกิเลสของเขา ก็ควรจะเอ่ยปากเป็นการแสดงความเมตตากรุณา หรือขอบคุณบ้าง. นี่แสดงว่าเขาไม่มีคุณธรรมอะไรเลย ฉะนั้นยายแก่ก็ไปที่นั่นเอาไฟเผากุฏินั้นเสีย และไม่ส่งอาหารอีกต่อไป.

นิทานนี้สอนว่า จะเห็นว่าอย่างไรก็ลองคิดดู คนบางคนเขาย่อมต้องการอะไร อย่างที่ตรงกันข้ามกับที่เราจะนึกจะฝันก็เป็นได้ นี่จงดูสติปัญญาของคนแก่ซิ แกมีแบบแห่งความยึดมั่นถือมั่นของแกเองเป็นแบบหนึ่ง ยิ่งแก่ยิ่งหนังเหนียว คือหมายความว่า มันยิ่งยึดมั่นถือมั่นมาก ฉะนั้นถ้าจะไปโกรธคนที่มีความคิดอย่างอื่น มีหลักเกณฑ์อย่างอื่น มีความเคยชินเป็นนิสัยอย่างอื่น นั้นไม่ได้ เราต้องให้อภัย เราไม่โกรธใครเร็วเกินไป หรือเราไม่โกรธใครเลยนั่นแหละจะดีที่สุด และจะเป็นครูบาอาจารย์ที่มีความสุขที่สุด ทำหน้าที่ได้ดีที่สุดด้วยและสนุกที่สุดด้วย. ฉะนั้น ขอให้จำไว้ว่า คนเรานั้นมีอะไรที่ไม่เหมือนกัน มีอะไรที่ไม่นึกไม่ฝันกันมากถึงอย่างนี้.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น