วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

จุดเริ่มต้นความรักก็คือการนำทางให้กัน จุดสูงสุดของการทำดีนั้นไม่ใช่การให้ แต่คือการนำทาง!

 Daniel ได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะขึ้นว่า "แค่มดตัวเดียว ทำไมต้องนำทางให้มันด้วย?" 
เด็กชายตอบเขาอย่างตั้งใจว่า "มดตัวนี้กำลังหลงทางกับเพื่อนๆ  มันเดินกลับเองไม่เป็น ฉันจะนำทางให้มันไปถึงฝูงมด ถ้าทำได้มันก็จะรอด" 
Daniel จึงสังเกตได้ว่าเด็กน้อยกำลังใช้ใบหญ้าเขี่ยให้มดเดินกลับไปยังฝูง เด็กชายทำอย่างตั้งใจ ไม่นานมดตัวนั้นก็เดินกลับไปถึงฝูงของมัน มดตัวนั้นใช้หนวดของมันทักทายกับเพื่อนๆของมันอย่างตื่นเต้นดีใจ 
Daniel จึงชมเชยที่เด็กชายจิตใจดีมีเมตตาว่า "ขอบใจนะเจ้าหนู ที่ทำให้มดที่หลงทางกลับไปที่ฝูงของมันได้" 
เด็กชายจึงแหงนหน้าขึ้นมอง Daniel กระพริบตาแล้วยิ้มอย่างดีใจ รอยยิ้มนั้นทำให้ Daniel ไม่เคยลืมได้เลย! 




         ที่จริงแล้ว Daniel เป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังในอเมริกา เขาประทับใจมากที่ได้เห็นเด็กชายนำทางให้มด เขาก็อยากทำให้มดที่หลงทางได้กลับไปยังบ้านของมัน ให้พวกมดไม่ต้องสับสนหรือตกใจอีกต่อไป เขาคิดว่านี่คือการทำความดีอย่างหนึ่ง
         มาวันหนึ่งเมื่อ Daniel ไปถึงบริษัท จู่ๆก็มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังขวางทางเขาอยู่ ผู้หญิงคนนั้นพาเด็กมาด้วย เธอร้องไห้และพูดว่า "คุณ Daniel ช่วยสงสารฉันกับลูกเถอะ สามีฉันป่วยตาย ฉันก็ตกงาน ตอนนี้ฉันกับลูกกำลังลำบากมาก"
         Daniel ได้ยินแล้วก็สงสารเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาอาจจะรีบควักเงินให้เธอ แต่วันนี้เขาไม่ได้ทำแบบนั้น เขาถามเธอว่าเธอเคยทำงานอะไรมา?
เธอยังคงร้องไห้และตอบว่า "ฉันเคยทำงานการเงินมาก่อน"
         Daniel ได้ยินดังนั้นจึงพูดว่า "เดี๋ยวผมจะให้คุณเข้าสัมภาษณ์กับแผนกการเงินที่นี่ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ทำงานได้เลย และผมอนุญาตให้คุณเบิกเงินเดือนล่วงหน้า 3 เดือน" เธอได้ยินแล้วก็ยิ้มอย่างมีความหวัง เธอขอบคุณ Daniel อยู่หลายครั้ง
         ปีถัดมา Susan ได้ขึ้นเป็นผู้จัดการแผนกการเงินที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ เธอมีความสามารถและมีความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ Daniel ยอมรับและชอบเธอมาก Susan เข้าร่วมงานเลี้ยงของบริษัทและพูดกับ Daniel ว่า "ขอบคุณ Daniel ที่นำทางให้แก่ฉัน ทำให้ฉันได้ศักดิ์ศรีความเป็นคนกลับคืนมา"
         Daniel หัวเราะและพูดว่า "Susan คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก นี่เป็นเพราะความสามารถและความตั้งใจของคุณต่างหากล่ะ และนี่ก็สิ่งตอบแทน" Susan ยิ้มหวานอย่างเขินๆ จุดเริ่มต้นความรักก็คือการนำทางให้กัน จุดสูงสุดของการทำดีนั้นไม่ใช่การให้ แต่คือการนำทาง!

จุดเริ่มต้นความรักก็คือการนำทางให้กัน จุดสูงสุดของการทำดีนั้นไม่ใช่การให้ แต่คือการนำทาง!

 Daniel ได้ยินดังนั้นจึงหัวเราะขึ้นว่า "แค่มดตัวเดียว ทำไมต้องนำทางให้มันด้วย?" 
เด็กชายตอบเขาอย่างตั้งใจว่า "มดตัวนี้กำลังหลงทางกับเพื่อนๆ  มันเดินกลับเองไม่เป็น ฉันจะนำทางให้มันไปถึงฝูงมด ถ้าทำได้มันก็จะรอด" 
Daniel จึงสังเกตได้ว่าเด็กน้อยกำลังใช้ใบหญ้าเขี่ยให้มดเดินกลับไปยังฝูง เด็กชายทำอย่างตั้งใจ ไม่นานมดตัวนั้นก็เดินกลับไปถึงฝูงของมัน มดตัวนั้นใช้หนวดของมันทักทายกับเพื่อนๆของมันอย่างตื่นเต้นดีใจ 
Daniel จึงชมเชยที่เด็กชายจิตใจดีมีเมตตาว่า "ขอบใจนะเจ้าหนู ที่ทำให้มดที่หลงทางกลับไปที่ฝูงของมันได้" 
เด็กชายจึงแหงนหน้าขึ้นมอง Daniel กระพริบตาแล้วยิ้มอย่างดีใจ รอยยิ้มนั้นทำให้ Daniel ไม่เคยลืมได้เลย! 




         ที่จริงแล้ว Daniel เป็นเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ซูเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังในอเมริกา เขาประทับใจมากที่ได้เห็นเด็กชายนำทางให้มด เขาก็อยากทำให้มดที่หลงทางได้กลับไปยังบ้านของมัน ให้พวกมดไม่ต้องสับสนหรือตกใจอีกต่อไป เขาคิดว่านี่คือการทำความดีอย่างหนึ่ง
         มาวันหนึ่งเมื่อ Daniel ไปถึงบริษัท จู่ๆก็มีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งกำลังขวางทางเขาอยู่ ผู้หญิงคนนั้นพาเด็กมาด้วย เธอร้องไห้และพูดว่า "คุณ Daniel ช่วยสงสารฉันกับลูกเถอะ สามีฉันป่วยตาย ฉันก็ตกงาน ตอนนี้ฉันกับลูกกำลังลำบากมาก"
         Daniel ได้ยินแล้วก็สงสารเธอ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาอาจจะรีบควักเงินให้เธอ แต่วันนี้เขาไม่ได้ทำแบบนั้น เขาถามเธอว่าเธอเคยทำงานอะไรมา?
เธอยังคงร้องไห้และตอบว่า "ฉันเคยทำงานการเงินมาก่อน"
         Daniel ได้ยินดังนั้นจึงพูดว่า "เดี๋ยวผมจะให้คุณเข้าสัมภาษณ์กับแผนกการเงินที่นี่ ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ทำงานได้เลย และผมอนุญาตให้คุณเบิกเงินเดือนล่วงหน้า 3 เดือน" เธอได้ยินแล้วก็ยิ้มอย่างมีความหวัง เธอขอบคุณ Daniel อยู่หลายครั้ง
         ปีถัดมา Susan ได้ขึ้นเป็นผู้จัดการแผนกการเงินที่ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้ เธอมีความสามารถและมีความคิดสร้างสรรค์ ทำให้ Daniel ยอมรับและชอบเธอมาก Susan เข้าร่วมงานเลี้ยงของบริษัทและพูดกับ Daniel ว่า "ขอบคุณ Daniel ที่นำทางให้แก่ฉัน ทำให้ฉันได้ศักดิ์ศรีความเป็นคนกลับคืนมา"
         Daniel หัวเราะและพูดว่า "Susan คุณไม่ต้องขอบคุณผมหรอก นี่เป็นเพราะความสามารถและความตั้งใจของคุณต่างหากล่ะ และนี่ก็สิ่งตอบแทน" Susan ยิ้มหวานอย่างเขินๆ จุดเริ่มต้นความรักก็คือการนำทางให้กัน จุดสูงสุดของการทำดีนั้นไม่ใช่การให้ แต่คือการนำทาง!

วันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชายสองคนบนเกาะ เทวดา และร่างกายที่เท่ากันแต่ มีฆ้อนวิเศษตกลงมาจากฟ้าเมื่อใครถือจะมีอำนาจกว่าคนอื่น(ปืน)

ใช้ล่าอาณานิคมเป็นต้น

ชายสองคนบนเกาะ เทวดา และเมื่อสลับร่างกายที่กำยำ นั้นคืนให้สองคนอีกครั้ง

ชายสองคนบนเกาะ เทวดา และร่างกายที่กำยำ ๑

มีชายสองคน..พลัดมาอยู่เกาะเดียวกันจากทะเล เทวดาจึงเฝ้ามองพฤติกรรมของทั้งสองคนนี้ว่าจะเป็นเช่นไร...
ชายคนแรกมีรูปร่างกำยำ ชายคนที่สองมีรูปร่างผอมโซ แรกๆที่อยู่ด้วยกัน ก็จะช่วยกันเพื่อเลี้ยงชีพ ไม่ว่าจะเป็น จับปลาหรือหาอาหารป่ามากินและแบ่งปันกัน...
...พอนานวันเข้า ชายกำยำ จึงตบไปที่หัวของชายผอม อย่างไม่ตั้งใจ ส่งผลให้ชายผอมนั้นร้องออกมาเสียงดัง ชายที่กำยำนั้น จึงรู้สึกมีความสะใจและรู้สึกเหมือนตนมีพลังกว่าชายผอม จึงตบหัวชายผอมทุกเช้า กลางวันและเย็น ชายผอมก็ร้องทุกคราวที่โดนกระทำ จนกลายเป็นนิสัยของชายกำยำที่ต้องคอยทำร้ายชายผอมทุกวันและทุกเวลา หนักข้อขึ้น ชายกำยำจึงเริ่มสั่งให้ชายผอมไปหาอาหารมาเลี้ยงตน ส่วนชายกำยำก็นอนรออาหารที่จะมาจากชายผอม
 โดยในแต่ละวันชายทั้งสองนั้น ก็ทำหน้าที่แตกต่ากงันแบบนี้ทุกวัน.....
เทวดาเห็นเข้า จึงจะหาวิธีสอนให้ชายทั้งสองนั้นเห็นความจริงของการอยู่ร่วมกัน โดยไม่จำเป็นต้องกดขี่กันในการมีชีวิต จึงเนรมิตรให้ชายทั้งสองนั้นสลับร่างกันในขณะนอนหลับ
ตื่นเช้าขึ้นมาชายผอมที่สลับร่างเป็นชายกำยำก็ตบหัวชายผอมที่สลับร่างจากชายกำยำ โดยทำให้ชายกำยำที่อยู่ในร่างชายผอมนั้นรู้สึกสลดใจ ชายผอมที่อยู่ในร่างชายกำยำ ก็เฝ้ามองดูชายกำยำที่อยู่ในร่างของชายผมนั้น ทำงานแทนตน และนอนอยู่บนที่นอนของชายกำยำ แรกๆนั้นมีความรู้สึกสะใจที่ได้เห็นและเอาคืนในสิ่งที่ได้กระทำกับชายกำยำที่กระทำกับตน...
..แต่พอนานวันเข้า ก็นึกถึงใจของตนที่เคยถูกทำร้าย และโดนตีหัวจนร้องทุกครั้ง ก็เกิดเวทนาตนเอง ...
จึงพาตนเองนั้นไปช่วยเหลือชายผอม อย่างที่เคยเป็นมาตอนแรกที่อยู่ด้วยกัน...ชายกำยำที่อยู่ในร่างชายผอมนั้นเห็นชายผอมในร่างชายกำยำมาช่วยก็รู้สึกสะเทือนจิตใจในสิ่งที่เคยทำมา จึงเกิดความรู้สึกเสียใจ และขออภัยในใจจากสิ่งที่เคยทำกับนายผอม จึงทำให้คิดได้ และอยู่ช่วยกันเลี้ยงชีพ จนมีความสุขตลอดไป...

เทวดาเห็นดังนั้นก็ปิติ และให้ชายทั้งสองนั้น ยังคงอยู่กันต่อไป โดยมิได้สลับร่างคืนให้..

เรื่องนี้สอนให้เห็น สิ่งที่เราเรียกว่าอำนาจหรือสิ่งที่เป็นสิ่งที่เราคิดว่ายิ่งใหญ่และมีมากกว่าคนอื่นจนทำให้ลุ่มหลงในสิ่งที่ตนเป็น จนวันนึงเมื่อโดนกระทำในสิ่งที่ตนกระทำบ้างนั้น จะเป็นเช่นไร เปรียบดังสุภาษิตว่า ใจเค้าใจเรา ถ้าทุกคนคิดได้เช่นนี้ สังคมคงคงจะอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

เรื่องท้องฟ้า กับ ทะเล ใครดีกว่ากัน

นกน้อยนั้น บินมาเจอเจ้าปลาน้อย จึงถามว่า เป็นไงมั้งด้านล่างในทะเลนั้นดีไหม ข้าอยากจะไปอยู่เป็นปลาเหมือนเจ้าจัง บินอยู่บนฟ้า ไม่เห็นจะมีอะไร มีแต่ลมและแสงแดด เท่านั้นเอง
เจ้าปลาน้อยกับตอบว่า ..ข้าสิกับรู้สึกอิจฉาเจ้า ที่เจ้าได้โบยบินไปยังที่ๆเจ้าต้องการได้ ไม่ต้องมาว่ายนำ้ในทะเล ที่เต็มไปด้วยอันตรายเช่นนี้...ข้าว่าเป็นอย่างเจ้าน่าจะดีกว่า
เจ้านกจึงบอกให้เจ้าปลาลองกะโดดออกจากนำ้สูงๆเพื่อ ลองโบยบินให้เหมือนนก
และเจ้าปลาก็สอนเจ้านกลองให้ พยายามดำลงในนำให้ลึกที่สุด โดยบินดิ่งลงมาเร็วและแรง....
จน....ท้ายที่สุด ทั้งสองตัวนั้นก็ทำจนเหนื่อยและหมดแรง.....
ไปพบกับนกกระเรียน นกกระเรียนเห็นจึงพูดบอกทั้งสองว่า.....เจ้าทั้งสองน่ะ จะมัวไปอจฉากันอยู่ทำไม เจ้าทั้งคู่นั้นก็ล้วนมีสิ่งดีๆ อยู่ในตัวอยู่แล้ว และเจ้าก็มีหน้ที่ๆแตกต่างกัน ทำไมเจ้าไม่ภูมิใจในสิ่งที่เจ้าเป็นหละ ข้าว่าสิ่งนั้น น่าจะเหมากับพวกเจ้ามากกว่า....
ปลาและนก เมื่อได้ยินดังนั้น จึงกล่าวขอบคุณนกกระเรียน และเรียนรู้ที่จะอยู่ด้วยความสุข จากสิ่งที่ตนมี..ต่อไป

วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558

นิทานเรื่อง ปลา มด เต่า

เรื่องมีอยู่ว่า มีมดตัวหนึ่ง ไปคุยโวกับเจ้าลูกปลาน้อยว่า ว่าบนบกนั้นมีสิ่งวิเศษมากมาย ทั้งผืนดินที่กว้างใหญ่ ภูเขาที่สะสวย และต้นไม้ที่เขียวขจีและมีผลมากมายให้ได้กินกัน
แต่เจ้าปลาน้อยนั้น ก็บอกกับเจ้ามด นั้นว่า ในทะเล นั้นมี สรรพสัตว์มากมาย มีคลื่นทะเล ที่อบอุ่นและ สาหร่ยหลายชนิดให้ได้กินอย่างมากมาย
.....จน ทั้งสองตัวนั้น...เกิดความรู้สึก ทางความคิด "แค่อยากเอาชนะกัน" แต่แล้วก็มีเจ้าเต่าตัวน้อยนั้น เดินผ่านมาได้ยินเรื่องราวที่คุยกัน จึงเดินไปบอกทั้งสองตัวนั้น "จะเถียงกันไปทำไม บกก็มีพื้นดินที่ดีและยิ่งใหญ่นั้นก็ดีแล้ว ทะเลหรืนำ้ นั้นก็มีความอุดมสมบูรณ์ นั้นก็ดีแล้ว ข้าว่า น่าจะดีกว่า ถ้าเจ้าทั้งสองรู้จัก "พอใจ" ในสิ่งที่ตนมี และไม่จำเป็นที่จะต้องมาโอ้อวดกัน เพื่อเอาชนะ ว่าของใรดีกว่ากัน
......ตัวข้านั้นเป็นเต่า ไปได้ทั้งบนบก และในนำ้ ได้เห็นว่าทั้งสองสิ่นั้นเป็นสิ่งดี ที่ล้วนมีคุณค่าต่อสรรพสัตว์บนโลก ....แล้วพวกเจ้าหล่ะ ตอนนี้ อยากได้อะไรจากการเถียงกันในครั้งนี้.....แล้วเต่าก็เดินจากไป